Gin (เหล้ายิน หรือเหล้าจิน) เป็นเหล้าที่ทำมาจากข้าวบาร์เลย์ผสมกับผลจูนิเปอร์ และสมุนไพรต่างๆ ประเทศต้นตำรับที่คิดค้นผลิตขึ้นมา คือ ชาวดัชช์ (ฮอล์แลนด์) แต่ปัจจุบัน จะนิยมดื่มเหล้ายินที่มาจาก ลอนดอน อังกฤษกันมากกว่า เนื่องจากรสชาติหอมหวล ชวนดื่มมากกว่า เป็นเหล้าที่ดื่มกินแล้วดีต่อสุขภาพ ช่วยขับปัสสาวะได้ดี สำหรับเหล้ายินที่มีคุณภาพดี กลิ่นหอม ราคาก็จะสูงตามไปด้วย เวลาเลือกซื้อจึงควรดูคุณภาพ และราคาด้วย เหล้าจินมีหลายเกรดหลายระดับ ถ้าราคาแพงหน่อยรสชาดจะดี มีกลิ่นหอมสมุนไพร และกรรมวิธีการผลิตจะพิถีพิถันกว่า ดื่มแล้วจะดีต่อสุขภาพมากกว่า เพราะกลั่นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนไม่เหลือ สารฟลูเซลออยล์ เป็นน้ำมันที่ปนอยู่ในเหล้า และเป็นสารที่ทำให้เมาค้าง ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน ดังนั้นเหล้ายินที่มีคุณภาพดีดื่มแล้วจะเป็นผลดีต่อสุขภาพมากกว่า
เหล้า ยิน แต่เดิมเป็นเหล้าพื้นฐานของฮอล์แลนด์ มีปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ประมาณ 35–47% มีสีขาวใส กลิ่นหอมรากไม้และสมุนไพร ไม่มีรสหวาน ขมนิดหน่อย สีขาวใสบริสุทธิ์ กลั่นมาจากข้าวบาร์เลย์ ผสมกับผลจูนิเปอร์ (Juniper Berry or Baie De Genievre ที่เป็นไม้สนพุ่ม ที่มีกลิ่นหอม และมีอยู่มากในทวีปยุโรป) , เครื่องเทศ และสมุนไพรต่างๆ โดยที่น้ำมันที่กลั่นได้จากผล Juniper Berry ได้จากการคิดค้นของเภสัชกรชาวดัชช์ (ฮอลันดา) เนเธอร์แลนด์ ด็อกเตอร์ฟรานซิส เดอลาบัวร์ ซิลวิอัส (Dr.Franciscus delaboe Sylvius ชื่อรองคือ Dr.Sylvius) และกลุ่มนักวิจัยในคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยเลเดน (University of Leyden) เมื่อ ปี ค.ศ. 1650 ที่ได้ทำการทดลองกลั่นแอลกอฮอล์ชนิดใหม่ ที่มีราคาถูก และมีประสิทธิภาพในการช่วยขับปัสสาวะ เพื่อให้การทำงานของไตเป็นปกติ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ยังได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร หลังจากนั้นก็ใช้ชื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดนี้ว่า “ Genivre “ (ในภาษาฝรั่งเศส จะหมายถึง ผลจูนิเปอร์)
และในปี ค.ศ. 1675 สูตรเหล้ายินก็ถูกพัฒนาต่อไปอีก โดยนาย Lucus Bols นักผลิตเหล้าตัวยงในสมัยนั้น จนถึงมีการตั้งโรงงานกลั่นเหล้าชนิดนี้ขึ้นที่กรุงฮัมสเตอร์ดัม และเรียกชื่อเหล้ายินตัวแรกนี้ว่า “Bols Gin” หลังจากนั้นเหล้ายินก็เผยแพร่ไปยังฝรั่งเศส ในสมัยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 3 (William III) ช่วงปี ค.ศ. 1650-1702 มีการสั่งห้ามนำเข้าเหล้าบรั่นดีจากประเทศฝรั่งเศส ทำให้คนอังกฤษหันมาดื่มเหล้ายินแทนกันมากขึ้น ในปี ค.ศ. 1710 เหล้ายินถูกผลิตเพื่อส่งออกไปขายมากกว่า 18 ล้านแกลลอน ทำให้เหล้ายินเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในทวีปยุโรป ถือเป็นยุคทองของเหล้ายินในอังกฤษก็ว่าได้ ต่อมาในปี ค.ศ. 1743 ก็ มีการส่งเสริมให้ผลิต และดื่มเหล้ายินเพิ่มมากขึ้นไปอีก พร้อมกับมีการพัฒนาคุณภาพ และกรรมวิธีการผลิตให้พิถีพิถันขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 สูตร ผลิตเหล้ายิน ได้ถูกลักลอบไปผลิตในอังกฤษ แต่ด้วยราคาของเหล้ายินที่ถูกกว่าเหล้าบรั่นดี และเบียร์มาก ทำให้ชาวอังกฤษเริ่มหันมาสนใจนิยมดื่มเหล้าชนิดนี้กันมากขึ้น จนมีการพัฒนากรรมวิธีการผลิตขึ้นใหม่ โดยเพิ่มปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ รส และกลิ่นของผลจูนิเปอร์ สมุนไพรต่างๆ นานาชนิดเข้าไปอีก ทำให้ได้เหล้ายินที่มีคุณภาพดี ยอดเยี่ยม ยิ่งกว่าเหล้ายินสูตรต้นตำรับเดิมเสียอีก นี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เวลาเราจะเลือกซื้อเหล้ายิน ควรจะเลือกเหล้าที่ผลิตจากอังกฤษ เพราะจะได้เหล้ายินที่มีคุณภาพดีเยี่ยม กลิ่นหอม มีปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ประมาณ 40–47% เหล้ายินในอังกฤษในยุคแรกๆ จะเรียกชื่อว่า “Dutch Courage” ต่อมาเรียกว่า “Geneva” เรียกไปเรียกมาเพี้ยนไปเป็น “Gineva” และเรียกสั้นๆ จนเหลือแค่คำว่า “Gin” จากนั้นอีกไม่นาน เหล้ายินก็แพร่หลายไปทั่วในทวีปยุโรปตะวันตก
ในปี ค.ศ. 1820 นายเจมส์ เบอร์โรว์ (James Burrough) เภสัชกรชาวอังกฤษ ได้คิดค้นเหล้ายินแบบ ดรายยิน (Dry Gin) ที่มีรสฝาดไม่มีน้ำตาลผสม โดยกลั่นในหม้อกลั่นแบบ Pot Still และจัดตั้งโรงงานขึ้นเพื่อผลิตเหล้ายินยี่ห้อ Beefeater สำเร็จในปี ค.ศ. 1831 ต่อมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 (ปี ค.ศ. 1914-1918) หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ ยุติลง การผลิตเหล้ายิน แบบดรายยิน ก็มีการพัฒนากรรมวิธีการผลิตขึ้นใหม่อีกครั้ง จนทำให้เหล้าดรายยินที่ผลิตจากอังกฤษ ถือเป็นสุดยอดแห่งเหล้ายิน จนมักจะเรียกติดปากกันว่า “London Dry Gin” จากจุดนี้ทำให้เหล้ายินเป็นที่รู้จัก และนิยมดื่มกินกันไปทั่วโลก
ในปี ค.ศ. 1880 ในนครนิวยอร์ค สูตรค็อกเทลใหม่ๆ ที่ใช้เหล้ายินผสมกว่า 50 สูตร ถูกคิดค้นขึ้นโดยบาร์เทนเดอร์ชาวอเมริกันผู้หนึ่งที่เปิดบาร์เหล้าอยู่ใน ย่านที่มีธนาคารของอังกฤษตั้งอยู่ สูตรเหล้าค็อกเทลที่ใช้เหล้ายินผสมเหล่านี้ โดนใจ และเป็นที่นิยมดื่มกันมากของคนอังกฤษในย่านนนั้น
ต่อมาในปี ค.ศ. 1911 สูตร ค็อกเทลที่ใช้เหล้ายินผสมเหล่านี้ก็ข้ามไปโด่งดังในแถบทวีปยุโรป พร้อมกับเกิดบาร์เหล้าสไตล์อเมริกันด้วย โดยเฉพาะที่ฝรั่งเศส มีบาร์เหล้าสไตล์อเมริกันแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก คือ Newyork Bar ที่ขายเหล้าผสมเหล่านี้ ในปี ค.ศ. 1951 เกิดสูตรค็อกเทลที่ใช้เหล้ายินผสม ชื่อ Dry Martini และ Cosmopolitan ทำให้สูตรค็อกเทลที่ใช้เหล้ายินผสมเป็นที่นิยมดื่มกันแพร่หลายไปทั่ว
เหล้า ยิน เป็นเหล้าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นอีกตัวหนึ่งเช่นกัน ด้วยคุณสมบัติที่มีสรรพคุณเชิงเหล้ายา ช่วยในการรักษาสมดุลของระบบขับถ่าย ทำให้ไตทำงานเป็นปกติ ทั้งยังมีกลิ่นที่หอมชื่นใจ เป็นกลิ่นของน้ำมันที่สกัดมาจากผลจูนิเปอร์ และสมุนไพรนานาชนิดมากมาย สีเหล้ามีสีขาวใสบริสุทธิ์ ปราศจากรสหวาน ออกรสฝาดข่มนิดหน่อย เมื่อดื่มจะมีกลิ่นหอมขึ้นจมูก ทำให้ลมหายใจสดชื่น ส่วนใหญ่จะมีปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ประมาณ 35-47% ถ้าอยากดื่มเหล้ายินที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ควรจะต้องเลือกซื้อเหล้าที่มีความหอมของกลิ่นเหล้า ระดับราคา และที่สำคัญต้องมีคำว่า “London Dry Gin” แต่ถ้าอยากลิ่มลองรสเหล้ายินต้นตำรับ ก็ต้องเลือกเหล้ายินที่ผลิตจากฮอล์แลนด์