นึกย้อนกลับไปตอนช่วงอยากรู้อยากลองทุกอย่างที่หลายๆ คน ‘ห้าม’
มันเป็นตอนที่ได้ทำงานพาทไทม์ครั้งแรกในชีวิต ตอนนั้นตื่นเต้นมาก ทุกอย่างดูน่าตื่นตา อยากเป็นที่ยอมรับในสังคมที่ทำงาน เลยพยายามทำตัวให้ ‘เหมือน’ กับพวกเขา
เราเข้าไปทำที่นั่น เราเด็กที่สุดในนั้น บางคนก็ยังเรียนมหา’ลัยอยู่ แต่หลายๆ คนไม่เรียนแล้ว บางคนขยัน แต่ก็มีหลายๆ คนที่ขี้เกียจ
เราเรียนรู้การ ‘อู้งาน’ จากที่นั่น ถ้ามีคนหายไป คือเขาไปสูบบุหรี่แน่นอน สามารถตามตัวได้ที่หลังร้าน บางคนสูบบุหรี่แทบทุกชั่วโมง ครั้งละ 10-15 นาที คือวันนึง เขาทำงานแค่ 6 ชั่วโมง แต่ได้เงินเท่ากับคนทำงาน 8 ชั่วโมง เห้ย แม่งฉลาดว่ะ
หลังจากทำงานเสร็จ บางวันก็มีก๊งเหล้ากันหลังร้าน ซึ่งแน่นอน เด็กอย่างเราผู้ชอบเข้ากะเช้า เลิกงานตอนเย็น ก็จะยังไม่กลับบ้าน ตามประสาเด็กหัดเข้าสังคมอะนะ อยู่คุยอยู่เฮฮา อยู่ดูพี่ๆ ก๊งเหล้าสูบบุหรี่ ค่อยกลับ
แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่เราขอพี่ๆ ลองสูบบุหรี่ พี่ๆ เขาก็ห้ามนะ แต่ด้วยความงอแงขั้นสุด เขาก็ยอมให้ลอง บอกเลยว่า ‘ไม่สนุก’ สำลักควันสิคะ ทรมาณสิคะ คำถามเกิดขึ้นในหัวทันทีว่า ทำไมถึงชอบสูบกันวะ? หรือกูสูบผิดวิธีวะ?
หลังจากนั้น ก็ยังพยายามหาซื้อมาลองสูบเอง แต่ก็ลองได้ไม่กี่ครั้ง เพราะแม่เจอบุหรี่ในกระเป๋า (ตอนนี้ก็ยังงงอยู่ว่าเจอได้ไง คือค้นเพราะได้กลิ่นบุหรี่หรอ มนุษย์แม่จมูกดีจัง)
เพียงไม่นานก็หมดความพยายาม คือแม่งไม่สนุกอะ และโชคดีที่เราไม่ติด ตอนเรียนมหา’ลัยเรามีสูบบ้างตามโอกาส แต่ก็นับครั้งได้เลย (และวิธีสูบก็คือ ดูดควันไปอมแล้วพ่น ไม่อยากให้แม่งลงปอดอีกต่อไป) ยิ่งพอเรียนจบแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากสูบ เลยพาลให้ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ และเกลียดคนที่สูบไม่เป็นที่ พ่นควันใส่คนอื่น
ตอนนี้รู้สึกผิดนะที่ตอนนั้นโกหกแม่ และทำร้ายปอดตัวเอง เราสมัครขอบริจาคอวัยวะกับร่างกายไว้ คนที่เขาได้ปอดเราไปคงเสียใจที่มันเคยผ่านควันบุหรี่มาแน่เลย ขอโทษนะคะ
ปล. นี่ไม่ได้มารณรงค์ห้ามสูบบุหรี่นะ แค่จะบอกเล่าประสบการณ์เฟลๆ ขอย้ำอีกทีละกัน สูบบุหรี่ ไม่สนุกเลยค่ะ